เรื่อง: Your name/Kimi no Na Wa/หลับตาฝันถึงชื่อเธอ
กำกับ: มาโคโตะ ชินไค/Makoto Shinkai (5 cm/s, The Garden of Words, etc)
Studio: CoMix Wave Films
[เนื้อหาส่วนนี้เขียนขึ้นก่อนรับชมภาพยนตร์ อาจมีการมโนหรือการสปอยล์โดยไม่ตั้งใจ ผู้อ่านควรใช้จักรยานในการอ่าน]
ผมไม่รู้จัก มาโคโตะ ชินไค แต่เคยดูผลงานเรื่อง The Garden of Words (ลิขสิทธิ์โดย TIGA) ซึ่งเป็นอนิเมชั่นเรื่องหนึ่งที่สั้นจนน่าใจหาย (48 นาทีมั้ง ถ้าจำไม่ผิด) แต่งานภาพ เพลงประกอบ และความเหงาที่กัดกินเข้าไปในจิตใจนี่จัดว่าเอาเรื่อง และพอมาถึง Your name ที่ได้ CoMix Wave Films มาจัดงานภาพระดับพระกาฬให้เช่นเคย แถมรอบนี้ยังได้วงร็อคอย่าง RADWIMPS มาร้องเพลงประกอบให้ด้วย เรียกว่าโอกาสที่อนิเมชั่นของ มาโคโตะ ชินไค เรื่องนี้จะประสบความสำเร็จนี่ลอยลำมาอย่างไม่ต้องสงสัย ซึ่งเป็นไปตามนั้น ภาพยนตร์เรื่องนี้ครองอันดับ 1 ของ Box Office ที่ญี่ปุ่นยาวถึง 9 สัปดาห์ ก่อนที่จะถูก Death Note ชิงบัลลังก์ได้สำเร็จในสัปดาห์เปิดตัว และ
เวิ่นเว้อกันมาพอสมควร มาเข้าประเด็นดีกว่า เขาบอกว่าภาพยนตร์เรื่องนี้สร้างมาให้คน "เหงา" เข้าไปดู เท่าที่เห็นใน trailer ก็น่าจะชัดเจนแล้วนะว่าของจริง ยิ่งเจอเพลงประกอบ スパークル เพลงนี้เข้าไป คือไม่ต้องดูหนังน้ำตาก็ไหลแล้วคุณเอ๊ย เหงาฉิบหาย เหงาวัวตายควายล้ม (รอดูก่อนแล้วจะมาเทียบกับ When Manie was there ว่าอันไหนเหงากว่ากัน)
เรื่องย่อ (โดยเราเอง)
ว่าด้วยเรื่องของเด็กหนุ่มเมืองหลวง และเด็กสาวชนบทที่ได้ดูดาวตกพร้อมกันจากต่างสถานที่ หลังเหตุการณ์นั้นทำให้พวกเขาทั้งคู่สลับร่างกันในความฝัน ความสัมพันธ์ของหนุ่มสาวที่สื่อถึงกันได้แค่ในความฝันกลับกลายเป็นความโหยหา ต่างฝ่ายต่างปะติดปะต่อเรื่องราวของตนเองและออกตามหากันและกัน
ว่าด้วยเรื่องของความฝัน มีประโยคหนึ่งใน Trailer ได้กล่าวไว้ว่า "ความฝันจะต้องจางหายไปเมื่อเราตื่น" ซึ่งนั่นคือเรื่องจริงมันคือธรรมชาติ มนุษย์ไม่สามารถจำรายละเอียดของความฝันได้ครบ 100% จึงเป็นเรื่องยากมากที่ทั้งคู่จะจดจำกันและกันได้และมันเป็นความสัมพันธ์ที่ดูบอบบาง เป็นความผูกพันที่พร้อมจะพังทลายและถูกลืมได้ทุกเมื่อ แต่ทั้งคู่กลับพยายามอย่างมากที่จะจดจำและออกตามหากันและกันจากเสี้ยวหนึ่งของความทรงจำที่หลงเหลือจากความฝัน
เรื่องราวเป็นไปตามที่คุยกันไว้ก่อนจะไปดู มันคือการตามหากันของคน 2 คนที่วนเวียนกันไปมาท่ามกลางความฝันและความจริง และเมื่อลืมตาตื่น ความทรงจำของเขาและเธอจะเลือนลาง แม้จะพยายามไขว่ขว้าเพียงใด ความทรงจำแห่งความฝันเหล่านั้นก็ไม่สามารถเรียกกลับมาได้ แม้จะพร่ำพรรณาถึงอีกฝ่ายมากสักเพียงใด เมื่อการตื่นเกิดขึ้นโดยสมบูรณ์ ส่วนนึงของความทรงจำของเขาและเธอนั้นจะเลือนหายไปในที่สุด ราวกับหมอกจางที่ไม่อาจไขว่คว้าได้
"ถือว่าเป็นการผสานเรื่องราวความเป็นจริงอย่างความฝันและความแฟนตาซีอย่างการสลับร่างได้อย่างสมบูรณ์แบบ"
ผมคิดว่าผมไม่ต้องบอกเล่าอะไรมากกว่านี้ เรื่องราวต่อจากนี้ขอให้คุณไปสัมผัสมันด้วยตา ด้วยหู ด้วยหัวใจของคุณเอง ไปลิ้มลองรสชาติแห่งความเหงา ความเศร้าด้วยตัวคุณเอง
ในส่วนของความเหงานั้นผมยังรู้สึกว่า When Manie was there เหงากว่ามาก และในทางกลับกัน When Marnie was there ก็เป็นอนิเมชั่นที่เข้าใจยากกว่ามาก เมื่อมาคุยในแง่ของความกลมกล่อมและ Your name เป็นอะไรที่อิ่มเอม อบอุ่น และจับต้องได้ง่ายกว่าหลายขุม
ดังนั้นก็ไปดูกันนะครับ ไปสร้างประตูบานใหม่ให้กับวงการฉายภาพยนตร์บ้านเราว่าอนิเมชั่นหรือการ์ตูนญี่ปุ่นก็ mass ได้ ไม่ใช่เฉพาะโดราเอม่อน วันพีช หรือโคนัน เพื่อในอนาคตอนิเมชั่นดี ๆ แบบนี้จะได้ถูกหยิบยกเข้ามาฉายในไทยบ่อยครั้งขึ้น มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของผู้ที่เปิดประตูบานนั้นด้วยกันครับ
10/10
เวิ่นเว้อกันมาพอสมควร มาเข้าประเด็นดีกว่า เขาบอกว่าภาพยนตร์เรื่องนี้สร้างมาให้คน "เหงา" เข้าไปดู เท่าที่เห็นใน trailer ก็น่าจะชัดเจนแล้วนะว่าของจริง ยิ่งเจอเพลงประกอบ スパークル เพลงนี้เข้าไป คือไม่ต้องดูหนังน้ำตาก็ไหลแล้วคุณเอ๊ย เหงาฉิบหาย เหงาวัวตายควายล้ม (รอดูก่อนแล้วจะมาเทียบกับ When Manie was there ว่าอันไหนเหงากว่ากัน)
เรื่องย่อ (โดยเราเอง)
ว่าด้วยเรื่องของเด็กหนุ่มเมืองหลวง และเด็กสาวชนบทที่ได้ดูดาวตกพร้อมกันจากต่างสถานที่ หลังเหตุการณ์นั้นทำให้พวกเขาทั้งคู่สลับร่างกันในความฝัน ความสัมพันธ์ของหนุ่มสาวที่สื่อถึงกันได้แค่ในความฝันกลับกลายเป็นความโหยหา ต่างฝ่ายต่างปะติดปะต่อเรื่องราวของตนเองและออกตามหากันและกัน
ว่าด้วยเรื่องของความฝัน มีประโยคหนึ่งใน Trailer ได้กล่าวไว้ว่า "ความฝันจะต้องจางหายไปเมื่อเราตื่น" ซึ่งนั่นคือเรื่องจริงมันคือธรรมชาติ มนุษย์ไม่สามารถจำรายละเอียดของความฝันได้ครบ 100% จึงเป็นเรื่องยากมากที่ทั้งคู่จะจดจำกันและกันได้และมันเป็นความสัมพันธ์ที่ดูบอบบาง เป็นความผูกพันที่พร้อมจะพังทลายและถูกลืมได้ทุกเมื่อ แต่ทั้งคู่กลับพยายามอย่างมากที่จะจดจำและออกตามหากันและกันจากเสี้ยวหนึ่งของความทรงจำที่หลงเหลือจากความฝัน
จากใน Trailer และ MV เราจะเห็นหลายฉากที่คล้ายกับว่าทั้งคู่ไขว่คว้ากันและกันจากสถานที่เดียวกันแต่ต่าง timeline หรืออยู่ลักษณะของโลกคู่ขนาน เท่านี้ก็เป็นอะไรที่กระชากความเหงาออกมาได้รุนแรงและเจ็บปวดมากพอแล้ว เรียกว่าเหงาตั้งแต่ยังไม่ได้ดูภาพยนตร์ฉบับเต็ม
ถือว่าเป็นอีกหนึ่งเงื่อนไขการพบเจอกันที่น่าติดตามอย่างมาก
สำหรับใครที่มีแผนจะดูอนิเมชั่นเรื่องนี้ ผมขอแนะนำทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้ดูเลยว่า "ไปดูเถอะครับ" คุณจะรู้เลยว่าการที่ต้องตามหาใครสักคนนึงจากความทรงจำอันเลือนลางมันโหยหาและเจ็บปวดมากเพียงใด ทางที่ดีคุณเตรียมคนไปนั่งร้องไห้ข้าง ๆ คุณไว้เลยก็ดีครับ จะได้ไม่ต้องร้องไห้เพียงลำพัง ไม่อย่างนั้นคุณจะเหงาฉิบหายวัวตายควายล้มแต่เพียงลำพังเลยนะเฮ้ยยยยยยยย
[ความรู้สึกหลังดู]
*สาบานว่าไม่มีสปอยล์*
ยอมรับจากใจว่านี่คือสุดยอดผลงานของมาโคโตะ ชินไค บท ออกแบบตัวละคร ฉาก เพลงประกอบ ทุกอย่างมีความกลมกล่อม ทุกครั้งที่เพลงขึ้นความรู้สึกต่าง ๆ ก็ประเดประดังเข้ามาในจิตใจราวกับมีเวทมนต์ ไม่แปลกใจเลยจริง ๆ ที่อนิเมชั่นเรื่องนี้จะประสบความสำเร็จอย่างล้นหลามในประเทศญี่ปุ่นถึงระดับติด TOP 10 หนังอนิเมชั่นทำเงินสูงสุดของญี่ปุ่น*สาบานว่าไม่มีสปอยล์*
เรื่องราวเป็นไปตามที่คุยกันไว้ก่อนจะไปดู มันคือการตามหากันของคน 2 คนที่วนเวียนกันไปมาท่ามกลางความฝันและความจริง และเมื่อลืมตาตื่น ความทรงจำของเขาและเธอจะเลือนลาง แม้จะพยายามไขว่ขว้าเพียงใด ความทรงจำแห่งความฝันเหล่านั้นก็ไม่สามารถเรียกกลับมาได้ แม้จะพร่ำพรรณาถึงอีกฝ่ายมากสักเพียงใด เมื่อการตื่นเกิดขึ้นโดยสมบูรณ์ ส่วนนึงของความทรงจำของเขาและเธอนั้นจะเลือนหายไปในที่สุด ราวกับหมอกจางที่ไม่อาจไขว่คว้าได้
"ถือว่าเป็นการผสานเรื่องราวความเป็นจริงอย่างความฝันและความแฟนตาซีอย่างการสลับร่างได้อย่างสมบูรณ์แบบ"
ผมคิดว่าผมไม่ต้องบอกเล่าอะไรมากกว่านี้ เรื่องราวต่อจากนี้ขอให้คุณไปสัมผัสมันด้วยตา ด้วยหู ด้วยหัวใจของคุณเอง ไปลิ้มลองรสชาติแห่งความเหงา ความเศร้าด้วยตัวคุณเอง
[บ่นต่ออีกนิด]
ยืนยันว่าหนังเรื่องนี้ดีมาก ๆ คืออิ่ม คือรัก แต่เป็นเรื่องที่อาจจะดูยากไปสักนิด (นิดเดียวจริง ๆ) เตรียมสติก่อนไปดูสักนิดนึง อาจจะต้องเรียบเรียงเรื่องราวไประหว่างดูอย่างต่อเนื่อง และนี่อาจจะเป็นสเน่ห์อย่างหนึ่งของคนทำหนังที่จะทำให้คุณต้องคิดตามบริบทของหนังตลอดเวลา และในขณะเดียวกันมันอาจจะเป็นจุดอ่อนของหนังเช่นกันเพราะถ้าใครสติหลุดหรือเข้าไม่ถึงเรื่องราวทั้งหมดจะพังทันที แต่สำหรับอนิเมชั่นเรื่องนี้ผมยังมองว่ามันไม่ได้ยากจนเกินไป คุณสามารถสุขและเศร้าไปกับอนิเมชั่นเรื่องนี้ได้อย่างแน่นอนในส่วนของความเหงานั้นผมยังรู้สึกว่า When Manie was there เหงากว่ามาก และในทางกลับกัน When Marnie was there ก็เป็นอนิเมชั่นที่เข้าใจยากกว่ามาก เมื่อมาคุยในแง่ของความกลมกล่อมและ Your name เป็นอะไรที่อิ่มเอม อบอุ่น และจับต้องได้ง่ายกว่าหลายขุม
ดังนั้นก็ไปดูกันนะครับ ไปสร้างประตูบานใหม่ให้กับวงการฉายภาพยนตร์บ้านเราว่าอนิเมชั่นหรือการ์ตูนญี่ปุ่นก็ mass ได้ ไม่ใช่เฉพาะโดราเอม่อน วันพีช หรือโคนัน เพื่อในอนาคตอนิเมชั่นดี ๆ แบบนี้จะได้ถูกหยิบยกเข้ามาฉายในไทยบ่อยครั้งขึ้น มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของผู้ที่เปิดประตูบานนั้นด้วยกันครับ
"ไม่ว่าเธอจะอยู่ที่ใดบนโลกใบนี้ ฉันจะต้องตามหาเธอจนพบ"
10/10
เขียน, เรียบเรียง: การลงทุนมีความเสี่ยงกรุณาปรึกษาแม่บ้านก่อนลงทุน