Review [movie] รักไร้เสียง

อันดับแรกขอบอกก่อนว่าเราเป็นแฟน "รักไร้เสียง" ฉบับมังงะ ซึ่งตัวมังงะทำไว้ดีมาก แต่รีวิวนี้จะพยายามอ้างอิงถึงฉบับมังงะให้น้อยที่สุดเท่าที่เราจะทำได้ โอเคนะ


ยังยืนยันว่าการ์ตูนเรื่องนี้เป็นการ์ตูนที่ดี ดูแล้วอบอุ่นหัวใจ แต่ต้องยอมรับว่าการเดินเรื่องที่ช้า (ด้วยปัจจัยหลายอย่างซึ่งจะไปว่ากันต่อทีหลัง) และการบีบความดราม่าทั้งหมดทั้งมวลให้กระชับใน 2 ชั่วโมงทำให้หลาย ๆ อย่างดูด้อยค่าลงไปมาก ทั้งมิติตัวละครที่แคบลงอย่างชัดเจน บางตัวละครเรียกว่าแบนและไร้ค่าไปเลย ...คือแค่ใส่มาให้มันครบ ๆ ไป แค่นั้นแหละ

เรื่องย่อ แบบย่อแล้วย่ออีก เพราะเขียนหลายรอบแล้ว เบื่อ!
เนื้อเรื่องว่าถึงชีวิตของโชจังทั้ง 2 คน อิชิดะ โชยะ และ นิชิมิยะ โชโกะ กับผลกระทบของการกลั่นแกล้งต่อชีวิตของทั้งผู้แกล้งและผู้ถูกแกล้ง และการสำนึกผิดของใครบางคนทำให้ก่อเกิดเป็นความผูกพันที่ความแตกต่างไม่อาจขวางกั้นพวกเขาได้อีกต่อไป

รักไร้เสียงแบบอ่อนโยน

ในฐานะของแฟนรักไร้เสียงคงต้องบอกว่านี่คือรักไร้เสียงฉบับที่อ่อนโยนมาก คือการ์ตูนยังคงความเป็นการ์ตูนดราม่าที่เน้นไปที่ความอึดอัดของผู้ชมเช่นเคย แต่ความรุนแรงต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นถือว่าน้อยมาก ๆ ข้อดีคือมันช่วยให้คนดูเสพได้ง่ายขึ้น สบายหัว ไม่อึดอัดมากจนเกินไป แต่สำหรับแฟนรักไร้เสียงคงจะรู้สึกไปในทิศทางเดียวกันว่าความเข้มข้นของเนื้อเรื่องมันมาไม่เต็ม

2 ชั่วโมง บีบเนื้อเรื่อง ตัดมิติตัวละคร

และด้วยความที่มันต้องบีบเนื้อหาทั้งหมดให้เหลือ 2 ชั่วโมงนิด ๆ ที่นอกจากความดราม่าจะมาไม่สุดทางแล้ว มิติตัวละครหลาย ๆ ตัวยังด้อยค่าลงไปอย่างชัดเจน โดยเฉพาะ คาวาอิ ที่กลายเป็นตัวละครอะไรก็ไม่รู้ ที่มาที่ไปไม่ดี ดูจนจบถึงกับต้องถามตัวเองว่าสรุปเราได้ข้อคิดอะไรจากตัวละครตัวนี้วะ (ในฉบับมังงะนางก็เข้าใจยากอยู่แล้ว เจอฉบับภาพยนตร์เข้าไปอีก เละ!) และอีกหลาย ๆ ตัวละครก็เช่นกัน ดูแบนลงไปเยอะ ไม่มีตัวละครตัวไหนที่ดูสำคัญมากขึ้น มีแค่ความสำคัญคงที่กับลดลง

การเดินเรื่องช้าด้วยความจำเป็น

การดำเนินเนื้อเรื่องจำเป็นต้องช้าเพราะมีการใช้ภาษามือในการสื่อสาร จากประสบการณ์ผมเคยเห็นคนใช้ภาษามือสื่อสารกันเร็วมาก แต่กับเด็ก ม. ปลายที่เรียนรู้ภาษามือมาไม่มากแถมโอกาสได้ใช้ค่อนข้างน้อยทำให้การสื่อสารเป็นไปอย่างช้า ๆ แถมยังต้องใช้ภาษามือไปพูดไปเพื่อให้คนดูอย่างเราเข้าใจอีก ช้าหนักเลยจ้า ในบางจุดยอมรับว่าแอบเบื่ออยู่บ้าง
ที่นี้พอเอาความช้าไปสมทบกับบีบเนื้อเรื่อง มันก็เลยกลายเป็นว่าเนื้อเรื่องมันสื่อทุกอย่างออกมาได้ไม่หมดและไม่ชัดเจนด้วยข้อกำหนดของเวลานั่นแหละครับ

 ทุกอย่างดูซอฟต์เมื่อเป็นพาสเทล

นอกจากเนื้อเรื่องที่ดูอ่อนโยนลงมากจากต้นฉบับ การใช้สีของภาพยนตร์เรื่องนี้ยังเน้นไปที่สีอ่อนดูแล้วสบายตา แถมทำให้ทุกอย่างมันดูซอฟต์ลงไปอีกขั้น
________________________________________________

โดยรวมก็ชอบนั่นแหละ แค่ผิดหวังนิดหน่อยเพราะหวังจะได้น้ำตาแตกคาโรง แต่กลายเป็นว่าทุกอย่างแม่งดูซอฟต์ไปหมดเลยทำได้แค่ปริ่ม ๆ แต่ความอึดอัดระหว่างทางที่แปรเปลี่ยนเป็นอบอุ่นจากรอยยิ้มของสาวน้อยที่ชื่อนิชิมิยะ โชโกะยังมาเต็มเช่นเดิม รอยยิ้มของเธอนี่เยียวยาทุกสิ่งจริง ๆ ว่ะคุณ

คะแนน 7/10 เน้นดราม่า เดินเรื่องช้า มีความโรแมนติกมากกว่าฉบับมังงะ

ไปดูซะ แล้วคุณจะรัก นิชิมิยะ โชโกะ

แถมรีวิวฉบับมังงะจ้ะ


แชร์รีวิวนี้ไปให้เพื่อนอ่าน!
เขียน, เรียบเรียง: การลงทุนมีความเสี่ยงกรุณาปรึกษาแม่บ้านก่อนลงทุน