Review [manga] รักไร้เสียง #1-7 จบ

เรื่อง: รักไร้เสียง
ลิขสิทธิ์:  รักพิมพ์
จำนวนเล่ม: 7 เล่มจบ
ผู้แต่ง: Yoshitoki Oima
แนว: Drama


รักไร้เสียงคือการ์ตูนดราม่า-สะท้อนสังคม-แฝงข้อคิด เรียกว่ามีความครบถ้วนสมบูรณ์แบบเท่าที่การ์ตูนชีวิตเรื่องนึงจะสามารถทำได้ ด้วยเนื้อเรื่องที่เข้มข้นและตัวละครที่มีมิติราวกับว่าตัวละครนั้นมีชีวิตจริงทำให้คนอ่านสามารถสัมผัสได้ถึงความรู้สึกของตัวละครอย่างชัดเจนและนั่นทำให้รักไร้เสียงกลายเป็นการ์ตูนสายดราม่าเรื่องนึงที่หลายคนแนะนำว่าควรจะต้องซื้อมาอ่านให้ได้
ตัวละครมีความเป็นมนุษย์สูง
ตัวละครแต่ละตัวสะท้อนความเป็นจริงของมนุษย์ออกมาได้รุนแรงและชัดเจนมากซึ่งผมแทบจะไม่เจอในการ์ตูนเรื่องอื่น ๆ ตัวละครแต่ละตัวมีธาตุแท้ที่ชัดเจนแค่รอคอยเวลาที่จะระเบิดธาตุแท้เหล่านั้นออกมาซึ่งเรื่องนี้ผู้เขียนก็หาจุดให้สันดานดิบของมนุษย์ระเบิดมาได้โดดเด่นมาก ๆ ก็เหมือนกับมนุษย์ทั่วไปนั่นแหละที่พยายามสร้างตัวตนสำหรับเข้าสังคมใช้เป็นเปลือกเพื่อดำเนินชีวิต แต่เมื่อเกิดปัญหาหรือจำเป็นแล้วก็จะแสดงตัวตนที่แท้จริงออกมา และนั่นทำให้ตัวละครทุกตัวมีความเป็นปัจเจก มีความแตกต่าง และการ์ตูนเรื่องนี้จะนำพาความแตกต่างเหล่านั้นให้มาอยู่ร่วมกันมาสร้างสายสัมพันธ์ก่อเกิดเป็นมิตรภาพในที่สุด
ดราม่าหนักทั้งเรื่อง
ต้องบอกก่อนว่าการ์ตูนเรื่องนี้อ่านแล้วคุณจะรู้สึกหนักหัวพอสมควร เพราะบรรยากาศของเนื้อเรื่องมันค่อนข้างดราม่าและกดดัน จะมีช่วงให้พักหายใจหายคอบ้างนิดหน่อยแต่โดยรวมและคือดราม่า เนื้อเรื่องค่อนข้างสะท้อนชีวิตจริงของมนุษย์ออกมาได้ชัดเจนไม่ว่าจะเป็นการคบเพื่อน การเหยียดหยามคนที่ด้อยกว่า การหักหลัง และสุดท้ายการยอมรับความแตกต่างซึ่งเป็นแก่นที่สำคัญที่สุดของการ์ตูนเรื่องนี้
ความแตกต่างคือกำแพงขวางกั้นจิตใจของมนุษย์
อิชิดะ โชยะ เด็กหนุ่มผู้รักสนุกและชอบความท้าทาย วันหนึ่งเขาได้พบกับนักเรียนที่ย้ายเข้ามาใหม่ นิชิมิยะ โชโกะ เด็กสาวผู้พิการทางการได้ยิน ด้วยความแตกต่างด้านการสื่อสารทำให้โชยะมองว่าโชโกะเป็นตัวประหลาดที่เข้ามาสร้างความเดือดร้อนให้กับเพื่อน ๆ ของเขา โชยะจึงเริ่มกลั่นแกล้งโชโกะ การกลั่นแกล้งรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่ด้วยความอ่อนโยนและอดทนที่มากกว่าปกติโชโกะกลับแบกรับความเจ็บปวดทั้งหมดและพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อสื่อสารกับโชยะทั้งที่เธอไม่สามารถพูดได้ ในที่สุดการกลั่นแกล้งก็รุนแรงจนทำให้เกิดบาดแผลและนั่นทำให้เพื่อน ๆ เริ่มมองว่าโชยะทำเกินไป
และเมื่อมีการสืบหาคนกระทำผิดเพื่อน ๆ ก็บอกตรงกันว่าการกลั่นแกล้งนั้นโชยะเป็นคนทำทั้งหมด จากคนที่เคยเดินเคียงข้าง จากเพื่อนที่หัวเราะร่วมกัน วันนี้ทุกคนหักหลักเอาตัวรอด และนั่นทำให้โชยะรู้ว่าแท้จริงแล้วในวันที่ตนมีปัญหาทุกคนไม่ได้คิดจะอยู่เคียงข้างตนเลยในฐานะเพื่อนหรือแม้กระทั่งคนรู้จัก จากบทบาทของผู้แกล้งสู่ตัวตนของผู้ถูกแกล้งในที่สุด ความจ็บปวดและบทเรียนราคาแพงนี้ทำให้โชยะสำนึกผิดและพยายามทำวิถีทางเพื่อไถ่บาปของตนที่มีต่อนิชิมิยะแม้ว่าเธอจะย้ายโรงเรียนไปแล้วก็ตาม
แทนที่จะเป็นคำขอโทษครั้งสุดท้ายกลับกลายเป็นคำขอเป็นเพื่อนที่จุดประกายความสัมพันธ์ของเขาและเธออีกครั้ง
ขอสปอยล์เพิ่มอีกนิดหน่อยละกันนะ แท้จริงแล้วการกระทำและการแสดงออกในวัยเด็กของโชยะและโชโกะมีจุดหมายเดียวกันคือต้องการเพื่อน
โชโกะที่หูหนวกแต่อยากมีเพื่อนจึงต้องสื่อสารผ่านการเขียนลงสมุด เธอรู้ดีว่าสิ่งนี้ทำให้เพื่อน ๆ ลำบาก แต่นั่นคือหนทางเดียวที่ทำให้เธอสื่อสารกับคนรอบข้างได้ ยามเกิดปัญหาต่าง ๆ ขึ้นเธอจึงเลือกที่จะน้อมรับความผิดทั้งหมดไว้กับตัวเองเพราะคิดว่าทำแบบนี้แล้วเธอจะมีเพื่อนและคนรอบข้างเธอจะสบายใจเมื่ออยู่กับเธอ
โชยะเองก็ทำเพื่อเพื่อน ถึงจะดูเหมือนทำเพื่อความสนุกเพียงอย่างเดียวแต่แท้จริงแล้วการที่โชยะแกล้งโชโกะเป็นการพยายามไล่เธอออกไปให้พ้นทางเพื่อทวงคืนชีวิตอันแสนสนุกสนานของพวกเขากลับมาอีกครั้ง นอกจากจะสนุกท้าทายแล้วเขายังคิดว่ามันทำให้เพื่อน ๆ ของเขามีความสุขไปพร้อมกันด้วย (ตอนเด็กโชยะมองว่าโชโกะเป็นตัวประหลาดคาดว่าไม่ได้นับเป็นเพื่อนด้วยซ้ำ)
อย่างที่บอกว่าการ์ตูนเรื่องนี้ค่อนข้างหนักหัว ไม่ใช่การ์ตูนอ่านเพื่อผ่อนคลาย อ่านแล้วต้องคิดเยอะต้องมีการตีความ และมีปมเล็ก ๆ น้อย ๆ แฝงอยู่คือถ้าไม่ตั้งใจอ่านเก็บรายละเอียดก็จะหาไม่เจอ เรียกว่าใช้หัวค่อนข้างมาก แถมทำลายตับอีกด้วย แต่ถ้าคุณเตรียมใจเตรียมตับมาพร้อมแล้วก็เชิญสัมผัสกับรักไร้เสียง 7 เล่มจบได้ตามอัธยาศัยครับ

และสำหรับคนที่ดูรักไร้เสียงฉบับภาพยนตร์มาแล้ว ขอแนะนำเลยว่าคุณควรอ่านมังงะ 7 เล่มจบเป็นอย่างยิ่งเพื่อเติมเต็มเรื่องราวที่ขาดหายและถมความสงสัยที่เกิดขึ้นจากฉบับภาพยนตร์ ...หรือจะเพิ่มความสงสัยก็ไม่รู้ว่ะ เอาเป็นว่าถ้าดูมาแล้วก็ต้องอ่าน รับรองหนักหนาสาหัสกว่าฉบับภาพยนตร์แน่นอน

แชร์ไปให้เพื่อนได้อ่าน

เขียน, เรียบเรียง: การลงทุนมีความเสี่ยงกรุณาปรึกษาแม่บ้านก่อนลงทุน